close icon
Stories
Mascot Workwell Image Mascot Gowell Image Mascot joinwell Image Mascot Eatwell Image Mascot Livewell Image Mascot Seewell Image
TrawellStories
Trawell

Reading: 6 ภาพยนตร์ว่าด้วยโรคระบาดแห่งมนุษยชาติ

Trawell
Contact search
Join Well 3.1k

6 ภาพยนตร์ว่าด้วยโรคระบาดแห่งมนุษยชาติ [Spoiler Alert!]

8 January 2021 เรื่อง แทนไท นามเสน

ตั้งแต่ช่วงปลายปี ค.ศ. 2019 จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาร่วมเดือนแล้ว ที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “โคโรน่า (Coronavirus)” ซึ่งเริ่มต้นจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้สร้างความน่ากลัวให้กับชาวโลกต้อนรับทศวรรษใหม่ของศตวรรษที่ 21 ชนิดวันต่อวัน

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศไทยของเรามีการพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสชนิดนี้อย่างเป็นทางการได้มาเป็นเวลาเกือบสองสัปดาห์แล้ว แถมยังนับได้ถึง 14 ราย มากเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากประเทศจีนอีกด้วย! (อัพเดตวันที่ 28 ม.ค. 63 จากศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข)

ความตื่นตระหนกที่ประชาชนอย่างเราๆ มีต่อโรคระบาดในครั้งนี้จึงยิ่งทวีคูณเป็นอย่างมาก และนำไปสู่การตั้งคำถามกับการจัดการของรัฐและการคิดกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อหาทางควบคุมการแพร่เชื้อและรักษาชีวิตของประชาชนเอาไว้ให้ได้

ในวันที่มหันตภัยระดับมนุษยชาติกลายเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ คอลัมน์ Join Well อยากชวนทุกคนไปพบกับ 6 ภาพยนตร์ที่ว่าด้วย ‘โรคระบาดแห่งมนุษยชาติ’ ซึ่งพูดถึงการเผชิญหน้าระหว่างมนุษย์กับโรคระบาดในสถานการณ์ต่างๆ ที่นอกจากจะมอบความบันเทิงให้กับเราแล้ว ยังสะท้อนถึงวิธีคิดและแง่มุมในการจัดการปัญหาและรับมือกับโรคภัยได้อย่างน่าสนใจ ทั้งยังเป็นบทเรียนสำคัญที่อาจเก็บไว้ใช้ช่วยชีวิตเราได้จริงๆ ยามเมื่อภัยเดินทางมาถึงหน้าประตูบ้านของเรา

World War Z (2013)

ภาพยนตร์ที่กล่าวขวัญกันว่าเป็นภาพยนตร์ซอมบี้ที่มีความร่วมสมัยและสร้างมุมมองใหม่ได้อย่างน่าสนใจ เพราะส่วนใหญ่ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับซอมบี้ เรามักจะพบเห็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเอาตัวรอดเป็นหลัก แต่ใน World War Z กลับให้ความสำคัญกับการตามหาที่มาที่ไปของไวรัสมากกว่า ทำให้เรื่องราวของภาพยนตร์มีลักษณะเป็นการสืบสวนสอบสวนมากกว่าแอ็คชั่น รวมถึงมีการใช้สมมุติฐานทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายปรากฏการณ์โรคระบาดในครั้งนี้เอาไว้อย่างลุ่มลึก แถมยังลามไปถึงบทบาททางการเมืองของผู้มีอำนาจรัฐในการรับมือสถานการณ์เช่นนี้อีกด้วย

ภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยาย World War Z : An Oral History of the Zombie War เขียนโดย Max Brooks นักเขียนชาวอเมริกัน ก่อนที่จะใช้ชื่อภาพยนตร์ในชื่อเดียวกัน และนำแสดงโดย Brad Pitt โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเสียงชื่นชมในการสร้างความเข้าใจใหม่ๆ ของซอมบี้ที่เรามักคุ้นเคยในโลกของภาพยนตร์แนวไซไฟ-สยองขวัญ ให้กลายเป็นซอมบี้ที่มีความเป็นวิทยาศาสตร์และเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น

Contagion (2011)

นี่คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องการแพร่กระจายของไวรัสอย่างแยบคายและน่าสะพรึงกลัวแบบที่ผู้ชมเช่นเราเชื่อว่ามันกำลังเกิดขึ้นจริงๆ กับเรื่องราวของไวรัส MEV-1 ที่เกิดการแพร่กระจายอย่างไม่มีสาเหตุ ส่งผลให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตกว่า 25 ล้านคน จนนำไปสู่การระดมกำลังของผู้เชี่ยวชาญและรัฐบาลทั่วโลกในการออกตามหาที่มาของเชื้อร้าย

รวมถึงการรับมือกับกระแสข่าวต่างๆ ที่โหมกระหน่ำสังคมจนสร้างความปั่นป่วนในการใช้ชีวิตของผู้คนที่หวาดหวั่นกับไวรัสชนิดนี้ตลอดเวลา คู่ขนานไปกับเรื่องของมิชช์ เอ็มฮอฟ์ (Mitch Emhoff) พระเอกของเรื่องที่ต้องการสืบความจริงเรื่องการเสียชีวิตของภรรยา หลังจากที่เธอเดินทางกลับจากประเทศจีน ซึ่งเขาเชื่อว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องการเป็นต้นกำเนิดของโรคระบาดในครั้งนี้

ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจมากๆ เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ คือเริ่มมีการหยิบภาพยนตร์เรื่องนี้กลับมาพูดเป็นประเด็นอีกครั้ง เนื่องจากโครงเรื่องของภาพยนตร์มีความคล้ายคลึงกันกับเหตุการณ์ไวรัสโคโรน่าที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบทสรุปของเรื่องที่บอกว่าต้นตอของไวรัสชนิดนี้มาจากค้างคาวในประเทศจีน ซึ่งบินไปเกาะที่เล้าหมูและถ่ายอุจจาระของตน เมื่อหมูที่ทานอุจจาระนั้นถูกส่งต่อไปเป็นวัตถุดิบให้กับภัตตาคารในจีน พ่อครัวในภัตตาคารซึ่งใช้มือที่ไม่ได้สวมถุงมือจับปากและฟันของหมู ก่อนจะไปจับมือถ่ายรูปกับนางเอกของเรื่องโดยไม่ได้ล้างมือให้สะอาด จนทำให้เธอกลายเป็นผู้ป่วยคนแรกของโรคปริศนา (Patient Zero) อันเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมด

ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับชาวอเมริกัน สตีเวิร์น โซเดนเบิร์ก (Stephen Sodenberg) ซึ่งสร้างชื่อเสียงจากภาพยนตร์แนวจารกรรมสุดเท่ห์สามภาคด้วยกันอย่าง Ocean’s Eleven (2001), Ocean’s Twelve (2004). และ Ocean’s Thirtheen (2007) และยังเป็นภาพยนตร์ที่รวมดาราแถวหน้าของวงการฮอลลีวู้ดอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น Matt Demon, Gwyneth Paltrow, Jude Law, Kate Winslet, Marion Cotillard และ Lawrence Fisnburne มาช่วยกันตีแผ่ถึงหายนะโรคระบาดในครั้งนี้

Outbreak (1995)

ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงเนื้อหาจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา (Ebola Virus Disease – EVD) มาใช้เป็นเค้าโครงของภาพยนตร์ โดยเล่าเรื่องย้อนไปใน ปี ค.ศ.1967 เกิดไวรัสสายพันธุ์หนึ่งชื่อ โมโทบา (Motoba) ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมากในประเทศซาอีร์ในทวีปแอฟริกา แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ความลับรั่วไหล เจ้าหน้าที่ทางทหารของสหรัฐอเมริกาจึงทำลายหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดนี้ทั้งหมด

ต่อมาในปี ค.ศ.1995 มีคนลักลอบนำลิงชิมแปนซีที่ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวเข้ามาในสหรัฐอเมริกา จนก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสครั้งใหญ่ และเมื่อทีมแพทย์พยายามเข้ามาหาทางรักษา กลับถูกทางทหารที่เคยปิดบังเหตุการณ์ของไวรัสในแอฟริกามาก่อน ขัดขวางไม่ให้พวกเขาผลิตวัคซีนรักษาโรคได้ แต่สุดท้ายความพยายามและมุ่งมั่นของทีมแพทย์ทำให้วัคซีนรักษาโรคถูกสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานของ วูล์ฟกัง ปีเตอร์สัน (Wolfgang Perterson) ผู้กำกับชาวเยอรมันผู้ฝากผลงานเอาไว้อย่าง Air Force One (1997), The Perfect Storm (2000), Troy (2004), และ Poseidon (2006) ซึ่งในปีเดียวกันหลังจากที่ภาพยนตร์ออกฉาย ไวรัสอีโบลาได้เกิดการแพร่ระบาดในประเทศซาอีร์เหมือนกับที่ภาพยนตร์เล่าเอาไว้จริงๆ อย่างน่าเหลือเชื่อ

Resident Evil Series (2002-2016)

พูดถึงภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องโรคระบาดแล้ว เชื่อกันว่าเรื่องราวของ “ผีชีวะ” คงคุ้นหูหลายๆคนไม่น้อย ด้วยพลังการทำลายล้างของไวรัสที (T-Virus) ไวรัสสังเคราะห์ที่เปลี่ยนให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อกลายเป็นซอมบี้ (Zombie) ออกล่ามนุษย์ด้วยกันเอง ซึ่งนอกจากจะเป็นไวรัสที่มีจุดเริ่มต้นการแพร่เชื้อจากความผิดพลาดของมนุษย์ จนทำให้เกิดการเสียชีวิตในระดับที่แทบจะสูญพันธ์ุแล้ว แต่ยังเป็นเชื้อโรคที่มีการเปิดเผยภายหลังโดยเนื้อหาของภาพยนตร์เองว่า แท้จริงไวรัสที่ถูกสร้างเป็นอาวุธใช้ทำลายล้างพวกเดียวกันเอง เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ครอบครองอาวุธมหาประลัยนี้ครองโลกแทน

จึงยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงอันตรายของไวรัสที่สามารถสังหารมนุษย์ได้คราวละมากๆ ในเวลาอันรวดเร็วได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันถูกยกระดับจนกลายเป็นอาวุธที่ใช้ประหัตประหารมนุษย์ด้วยกันเอง แม้ว่ามันจะถูกกล่าวถึงในโลกของภาพยนตร์แบบไม่ค่อยสมเหตุสมผลหน่อยก็ตามได้จริงๆ ยามเมื่อภัยเดินทางมาถึงหน้าประตูบ้านของเรา

ภาพยนตร์ชุดนี้สร้างขึ้นจากหนึ่งในวิดีโอเกมขายดีตลอดกาลของบริษัท CAPCOM ในชื่อเดียวกัน (อีกชื่อหนึ่งคือ Bio Hazard) กลายเป็นภาพยนตร์จากวิดีโอเกมที่มีรายได้สูงสุดตลอดกาล ด้วยรายได้กว่า 1,233 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ กับภาพยนตร์ของจักรวาลนี้ทั้งหมด 6 เรื่อง ในระยะเวลา 14 ปี

I am Legend (2007)

“The Last Man on the Earth is Not Alone”

คำโปรยสุดเท่ห์ของภาพยนตร์ว่าด้วยโรคระบาดอีกเรื่องหนึ่งที่หลายๆคนนึกถึง ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องการตัวรอดของ พันโทโรเบิร์ต เนวิลล์ (Robert Neville) นักไวรัสวิทยาซึ่งมีชีวิตอยู่ ณ ใจกลางมหานครนิวยอร์คที่กลายเป็นเมืองรกร้างว่างเปล่า ผู้อุทิศชีวิตหาทางรักษาไวรัสคริปปิน (Krippin Virus) ซึ่งเดิมไวรัสชนิดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์เพื่อมีจุดมุ่งหมายเป็นวัคซีนรักษาโรคมะเร็ง ทว่าผลข้างเคียงทำให้มนุษย์เกิดอาการป่วยจนกลายเป็นโรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปทั่วโลก และบางส่วนกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ุที่แข็งแกร่งแต่แพ้แสงอาทิตย์อย่างดาร์คซีคเกอร์ (Darkseeker) เหลือเพียงโรเบิร์ตเท่านั้นที่ยังรอดชีวิต ซึ่งทำให้เขาอาจกลายเป็นมนุษย์คนสุดท้ายบนโลกที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อหาทางรักษาโรคนี้

แม้ว่าภาพนยตร์เรื่องนี้จะไม่ได้พูดถึงไวรัสโดยตรง แต่ก็ยังคงทิ้งประเด็นของไวรัสที่ใครจะไปคาดคิดว่าอาจเกิดขึ้นจากความหวังดีของมนุษย์ด้วยกันเองที่ต้องการผลิตวัคซีนรักษาโรค แต่ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นสู่หายนะ หรือแม้กระทั่งประเด็นของดาร์คซีกเกอร์ ที่ภาพยนตร์ไม่ได้บ่งบอกว่าพวกเขาเป็นผู้ติดเชื้อโดยตรง แต่เหมือนกับเป็นผู้ติดเชื้อจนร่างกายสามารถวิวัฒนาการไปเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งมากกว่า ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่าการล้างโลกด้วยไวรัสก็อาจนำไปสู่การวิวัฒน์ของมนุษย์เพื่ออยู่รอดในอีกรูปแบบหนึ่งก็เป็นได้

ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันในปี ค.ศ.1954 ซึ่งถูกดัดแปลงไปเป็นภาพยนตร์อีก 2 เรื่อง ได้แก่ The Last Man on Earth (1964) และ The Omega Man (1971) และนำแสดงโดยนักแสดงระดับแม่เหล็กของฮอลลีวู้ดอย่าง Will Smith

Rise of the Planet of the Apes (2011)

ปฐมบทแห่งพิภพวานร เรื่องราวการกำเนิดขึ้นของไวรัสที่มีจุดมุ่งหมายเดิมเพื่อต้องการรักษาโรคความจำเสื่อมของมนุษย์ โดยมีสัตว์ตระกูลวานร ซึ่งมีสายวิวัฒนาการเดียวกันกับมนุษย์ อย่างชิมแปนซี กอริลล่า และอุรังอุตัง ถูกใช้ทดลองเพื่อค้นหายารักษาโรค โดยในตอนท้ายของเรื่อง ภาพยนตร์ได้ทิ้งประเด็นเกี่ยวกับการแพร่เชื้อของยารักษาที่กลายเป็นไวรัส ผ่านการเดินทางโดยเครื่องบิน ซึ่งทำให้ไวรัสแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว นำมาซึ่งการสูญพันธ์ุของมนุษยชาติและการขึ้นสู่บัลลังก์ผู้ครองโลกกลุ่มใหม่ของเหล่าวานร

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไตรภาค Planet of the Apes ที่ถูกนำมาเล่าใหม่อีกครั้งจากฉบับดั้งเดิมในปี ค.ศ.1968 โดยปรับเรื่องราวให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น และใช้เหตุการณ์ยุคโลกล่มสลายเป็นโครงหลักของเรื่อง โดยในภาคแรกกำกับโดย Rupert Wyatt ก่อนที่จะขยายเรื่องราวเป็นโลกยุคล่มสลายในเรื่องราวของภาคต่อมา Dawn of the Planet of the Apes (2014) และภาคจบ War for the Planet of the Apes (2017) จะกำกับโดย Matt Reeves ซึ่งทั้งสองเรื่องกลายเป็นผลงานสร้างชื่อเสียงให้กับเขาจนถึงปัจจุบัน

Contributors

contributor's photo

แทนไท นามเสน

Writer

นักศึกษาปริญญาโทผู้ชอบมองหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของเรื่องเล่าผ่านเรื่องเมือง ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม

Next read